วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ทรานส์เอเชีย แถลงขอโทษ ชี้อากาศเลวร้าย แต่อยู่ในวิสัยบินขึ้น-ลงได้

ทรานส์เอเชีย แถลงขอโทษ ชี้อากาศเลวร้าย แต่อยู่ในวิสัยบินขึ้น-ลงได้
เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงกู้ภัย และพยาบาลของไต้หวัน
ขณะระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
 และลำเลียงผู้เสียชีวิตออกมาจากซากเครื่องบิน จีอี222 
ที่บริเวณใกล้กับสนามบินหม่ากง (ภาพไต้หวันนิวส์)
       เอเจนซี - ตัวแทนสายการบินทรานส์เอเชีย แถลงขอโทษและแสดงความเสียใจ กรณีเครื่องบินเที่ยวบิน จีอี 222 เผชิญทัศนวิสัยเลวร้าย และตกขณะเตรียมร่อนลงสนามบินปลายทางบริเวณเกาะเผิงหู ยืนยันเสียชีวิต 48 คน บาดเจ็บ 10 คน ขณะเจ้าหน้าที่การบิน ยืนยันสภาพอากาศแม้เลวร้าย แต่อยู่ในวิสัยที่จะบินขึ้น-ลงได้อย่างปลอดภัย
       
       อีไต้หวันนิวส์ รายงาน (24 ก.ค.) คำแถลงขอโทษของบริษัทสายการบินทรานส์เอเชีย กรณีเครื่องบินเที่ยวบิน จีอี 222 ตกกระแทกพื้นและระเบิด บริเวณเกาะเผิงหู่เมื่อเย็นวันพุธ และให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของผู้โดยสารทุกคน
       
       รายงานข่าวกล่าวว่า เมื่อกลางดึกของคืนวันพุธที่ผ่านมา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น สามชั่วโมงหลังเกิดอุบัติเหตุ นายชูว เยชุง ผู้จัดการทั่วไปของทรานส์เอเชีย ได้เป็นตัวแทนบริษัทฯ ออกมาขอโทษสำหรับเหตุการณ์เคราะห์ร้ายสุดวิสัยที่เกิดขึ้น โดยกล่าวกับสื่อมวลชนที่สนามบินนานาชาติไทเป (ซงชาน) ว่า บริษัทจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้โดยสารและพนักงานทุกคน พร้อมทั้งสืบหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้
       
       นายชูว กล่าวว่า บริษัทได้จัดตั้งศูนย์ฉุกเฉินเพื่อสถานการณ์ครั้งนี้ และได้นำส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลเผิงหู กับโรงพยาบาลทหารเพื่อรับการรักษาอย่างดีที่สุด เบื้องต้นในคำแถลงของทรานส์เอเชีย ระบุว่า เตรียมเงินให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 1.06 ล้านบาท) และผู้บาดเจ็บรายละ 2 แสนดอลลาร์ไต้หวัน (กว่าสองแสนบาท)
       
       ด้านรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของไต้หวัน นายเย่ว์ กวงจื่อห์ ได้แถลงยืนยันว่าเที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสาร 54 คน และกัปตันพร้อมลูกเรือ 4 คน เบื้องต้นยืนยันมีผู้เสียชีวิต 48 คน และบาดเจ็บ 10 คน โดยในจำนวนนั้น มีผู้โดยสารชาวฝรั่งเศส 2 คน
       
       ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันภัยของเผิงหู ไต้หวัน กล่าวว่า เที่ยวบิน จีอี222 ของสายการบินทรานส์เอเชีย มีกำหนดเดินทางจากเกาสง เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่เลื่อนล่าช้าออกไป เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย จนกระทั่งเวลา 17.42 น. จึงได้รับอนุญาตจากหอบังคับการบินให้ออกเดินทางได้ ครั้นเมื่อเครื่องบินลำดังกล่าวเดินทางไปจนถึงที่หมายเตรียมนำเครื่องฯ ลงสู่พื้นดินที่สนามบินหม่ากง ปรากฏมีพายุฝนกระหน่ำรุนแรง ทัศนวิสัยเลวร้าย จึงต้องนำเครื่องบินวนไม่สามารถลงจอดได้
       
       เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน สนามบินฯ กล่าวว่า เมื่อเครื่องบินฯ เดินทางมาถึงจุดหมายคือสนามบินหม่ากง บนเกาะเผิงหู่ ไต้หวัน ในเวลา 19.06น. กัปตันของเครื่องจีอี 222 ได้ขอลงจอดทว่ากลับสูญเสียการติดต่อจากหอบังคับการบิน ่หลังจากยกเลิกการบินลงในครั้งและ ทว่าในเสี้ยววินาทีที่นักบินอยู่ระหว่างรอและพยายามจะนำเครื่องบินลงจอดครั้งที่สองนั้น ปรากฏว่าไม่อาจต้านพายุ เครื่องบินเสียการทรงตัวและตกกระแทกพื้นที่บริเวณหมู่บ้านซีชุน ใกล้สนามบินหม่ากง
       
       อย่างไรก็ตาม รายงานข้อมูลการบิน ระบุว่าความรุนแรงของสภาพอากาศ ในช่วงที่นักบินพยายามนำเครื่องลงจอดนั้น ยังไม่ได้เกินกว่ากฏระเบียบนานาชาติด้านการลงจอดแต่อย่างใด โดยมีทัศนวิสัยอยู่ที่ 1,600 เมตร และมีเมฆปกคลุมระดับต่ำ 600 เมตร
       
       เจ้าหน้าที่จากกระทรวงคมนาคมของไต้หวันระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวเกิดไฟลุกไหม้หลังจากลงจอดโดยกระแทกพื้น ขณะที่ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่าได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากเครื่องด้วย
       
       ด้านประธานาธิบดีไต้หวัน นายหม่าอิงจิ่ว ก็ได้ออกมากล่าวแสดงความเสียใจกับทุกครอบครัวที่สูญเสียในเหตุการณ์นี้ พร้อมทั้งกำชับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เร่งสืบหาต้นเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของไต้หวัน
       
       ในส่วนข้อสงสัยของหลายคนเกี่ยวกับว่าเหตุใดจึงมีการบินขึ้นในขณะที่ภูมิอากาศเลวร้าย นั้น รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาระบุว่า สภาพอากาศยังอยู่ในวิสัยแห่งความปลอดภัยของการบิน ขณะที่ ยีน เจิ้น ผู้อำนวยการสำนักบริหารการบินพลเรือน ก็ยืนยันว่า ปลอดภัยที่จะบิน
       
       "มีเที่ยวบิน 9 เที่ยว ที่ออกเดินทางในช่วงเวลา 14.00 - 19.00 น. เมื่อวานนี้ ไล่เรี่ยกับเที่ยวบิน จีอี222 ของทรานส์เอเชีย นอกจากนั้น รายงานยังเผยว่ามีความปลอดภัยพอในการลงจอด แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถหาสาเหตุที่ชัดเจนของอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยคณะกรรมาธิการการบินจะได้สืบสวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน และเวลานี้ ก็ได้กล่องดำเพื่อตรวจสอบข้อมูลการบินย้อนหลังแล้ว"
       
       ทั้งนี้เครื่องบินเที่ยวบิน จีอี222 ของสายการบินทรานส์เอเชีย เป็นเครื่องบินขนาดผู้โดยสาร 70 คน บริการในประเทศ โดยทรานส์เอเชีย แอร์เวย์ส เป็นสายการบินที่มีสำนักงานใหญ่ในไต้หวัน โดยมีทั้งหมด 23 ลำ ส่วนใหญ่เป็นแอร์บัส ส่วนใหญ่ให้บริการเที่ยวบินในประเทศ แต่ก็มีเที่ยวบินนานาชาติอยู่บ้าง อาทิ ญี่ปุ่น ไทยและกัมพูชา

วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

张惠妹 - 趁早 แปลเพลงจีน เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้


  • 张惠妹 - 趁早
    Zhang hui mei - Chen zao
  • 到后来才发现爱你是一种习惯 我学会和你说一样的谎
  • dao hou lai cai fa xian ai ni shi yi zhong xi guan wo xue hui he ni shuo yi yang de huang
  • ในที่สุดฉันถึงได้รู้ว่ารักเธอนั้นคือความเคยชิน
  • และฉันเรียนรู้ คำโกหกคำเดียวกับเธอ
  • 你总是要我在你身旁 说幸福该是什么模样
  • ni zong shi yao wo zai ni shen pang shuo xing fu gai shi shi me mo yang
  • เธออยากให้ฉันอยู่เคียงข้างกายเธอ
  • บอกกับฉันว่า ความสุขนั้น หน้าตาเป็นเช่นไร
  • 你给我的天堂 其实是一片荒凉
  • ni gei wo de tian tang qi shi shi yi pian huang liang
  • สวรรค์ที่เธอมอบให้ฉันนั้น ความจริงแล้วมันเป็นแค่ ความว่างเปล่า
  • 要是我早可以和你一刀两断 我们就不必在爱里勉强
  • yao shi wo zao ke yi he ni yi dao liang duan wo men jiu bu bi zai ai li mian qiang
  • ฉันน่าจะ เลิกลากับเธอเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
  • เราสองคนจะได้ไม่ต้องเสแสร้งที่จะอยู่ในความรักอีก
  •  
  • 可是我真的不够勇敢 总为你忐忑为你心软
  • ke shi wo zhen de bu gou yong gan zong wei ni wei ni xin ruan
  • แต่เพราะว่าฉันไม่กล้าพอจริงๆ
  • จะต้องโง่งมงาย และใจอ่อนกับเธอ
  • 毕竟相爱一场 不要谁心里带着伤
  • bi jing xiang ai yi chang bu yao shui xin li dai zhuo shang
  • อย่างไรก็รักกันสักครั้ง ก็อย่าให้ต้องมีแผลใจกันเลย
  • 我可以永远笑着扮演你的配角 在你的背后自己煎熬
  • wo ke yi yong yuan xiao zhuo ban yan ni de pei jiao zai ni de bei hou zi ji jian ao
  • ฉันสามารถแสดงบทบาทนางเอกตลอดทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเธอ
  • และทุกข์ทรามานเองอยู่หลังฉากละครนี้ คนเดียว
  • 如果你不想要 想退出要趁早 我没有非要一起到老
  • ru guo ni bu xiang yao xiang tui chu yao chen zao wo mei you fei yao yi qi dao lao
  • ถ้าเธอไม่รักฉัน อยากจะเลิกลาก็รีบหน่อย
  • สำหรับฉัน ไม่จำเป็นเลย ที่จะต้องอยู่ด้วยกันจนแก่
  • 我可以不问感觉继续为爱讨好 冷眼的看着你的骄傲
  • wo ke yi bu wen gan jue ji xu wei ai tao hao leng yan de kan zhuo ni de jiao ao
  • ฉันสามารถ ไม่ถามความรู้สึกตัวเอง ดูแลความรักนี้อย่างดี
  • ใช้สายตาเย็นชา มอง ความได้ใจของเธอ
  • 若有情太难了 想别离要趁早 就算迷恋你的拥抱 忘了就好
  • ruo you qing tai nan liao xiang bie li yao chen zao jiu suan mi lian ni de yong bao wang liao jiu hao
  • ถ้ามีความรักที่จบยาก เธอยากจากฉันไป ก็รีบหน่อย
  • ความจริงฉันหลงรักความอุ่นในอ้อมกอดเธอ แค่ฉันลืมมันได้ก็พอ
  • 爱已至此 怎样的说法 都能成为理由
  • ai yi zhi ci zen yang de shuo fa du neng cheng wei li you
  • รักมาถึงขั้นนี้แล้ว พูดอย่างไงก็เป็นเหตุเป็นผลของเธอ
  • 我在这样的爱情里看见的 是男人的软弱
  • wo zai zhe yang de ai qing li kan jian de shi nan ren de ruan ruo
  • สิ่งที่ฉันมองเห็นที่อยู่ในความรักนี้ คือ ความอ่อนแอของผู้ชาย
  • 闹够了没有 แปลเพลงจีน บ้าพอหรือยัง

    闹够了没有 - 赖伟锋歌词
    赖伟锋 - 闹够了没有
    词曲:赖伟锋

    你会找我陪你哭
    ทุกครั้งทีร้องไห้ มักจะเป็นฉันอยู่เป็นเพื่อน
    会让我整夜听你诉苦
    ให้ฉันฟังเรื่องเจ็บปวดของเธอทั้งคืน
    总爱让我帮你挑选衣服
    เธอชอบให้ฉันช่วยเธอเลือกชุดแต่งกาย
    我都在你身边当你孤独
    ทุกครั้งจะเป็นฉันที่อยู่ข้างกายเธอ เวลาอยู่คนเดียว
    你找我陪你无聊
    และทุกครั้งที่เธอรู้สึกเบื่อ
    陪你看你最爱的频道
    คลิปวีดีโอที่เธอชอบ มักจะให้ฉันดูเป็นเพื่อน
    总要让我陪着你睡不着
    ชอบให้ฉัน นอนไม่หลับเป็นเพื่อนเธอ
    陪着你吵闹陪着你感冒
    ให้ฉันเฮฮาเป็นเพื่อน ให้ฉันเป็นหวัดเป็นเพื่อน
    我知道你最爱的口味
    ฉันรู้ อาหารที่เธอชอบที่สุด
    知道你最爱用的香水
    ฉันรู้ กลิ่นน้ำหอมที่เธอชอบที่สุด
    最爱说的词汇
    ฉันรู้ คำศัพท์ติดปากของเธอ
    最爱晚睡和你最爱是谁
    เธอนั้นชอบนอนดึก และคนที่เธอรัก เป็นใคร ฉันรู้ดี

    没有关系我们只是朋友
    ไม่เป็นไร เราเป็นได้แค่เพื่อนกัน
    偶尔会替你分担你的伤口
    บางทีฉันอาจช่วยแบ่งปันความเจ็บปวดของเธอได้
    把我的肩膀借给你当枕头
    ไหล่ของฉันจะเป็นหมอนให้เธอยืมได้เสมอ
    在你需要我的时候
    ขอแค่เวลาเธอต้องการฉันเท่านั้น
    没有关系我们只是朋友
    ไม่เป็นไร เราเป็นได้แค่เพื่อนกัน
    所以不会有分开的理由
    เพราะฉนั้น ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องเลิกกัน
    只是偶尔会问我自己
    แค่บางครั้ง ฉันถามตัวเองว่า พอหรือยัง
    闹够了没有
    บ้าพอหรือยัง

    你告诉我他很好
    เธอบอกฉันว่าเขาดีมากมาย
    你想要的他都会知道
    สิ่งที่เธออยากได้นั้น เขารู้ดีทั้งหมด
    喜欢他永远都不会计较
    เธอชอบ เขา ที่เขาไม่เคยที่จะว่า
    你那些荒唐的无理取闹
    เรื่องที่เธอ งี่เง่าอย่างไร้เหตุผล
    你说他对你说谎
    เธอ บอกเขาหลอกเธอ
    说他不再会为你着想
    บอกเธอว่า จะไม่ใส่ใจเธออีกแล้ว
    已经对他渐渐感到失望
    และแล้วเธอค่อยๆ ผิดหวังในตัวเขา
    我只能默默的替你疗伤
    ฉันได้แค่ ค่อยๆ ดูแลแผลใจของเธอ
    为什么要我看你流泪
    ทำไม ต้องเป็นฉันที่เห็นน้ำตาเธอ
    你的痛都让我来体会
    ความเจ็บเธอนั้น เป็นฉันคนเดียวที่รับรู้
    都由我来安慰 也无所谓
    ฉันจะดูแลเลยทั้งหมด ก็ไม่เป็นไร
    不管你爱着谁
    ไม่ว่าเธอรักนั้น คือใคร

    你会不会看到有一个我
    บางทีเธอเคยเห็นไหม ยังมีฉันหนึ่งคน
    把你的失落变成我的难过
    ที่เปลี่ยนความ วิตกกังวน ของเธอนั้น กลับกลายเป็น เป็นเสียใจของฉัน
    扮演的角色只能保持沉默
    ตัวละครที่แสดงนั้น ได้เพียงแค่อยู่อย่างเงียบๆ
    坚持着唯一的执着
    ทนอยู่กับ การเสียสละ เพียงหนึ่งเดียว

    我该怎么才能和你配合
    ฉันควรทำอย่างไร จึงจะ คู่กับเธอได้
    要多少虚伪才扮演的磊落
    ความจริงใจนั้นต้องแลกด้วยการเสียสละมากน้อยเท่าไร

    有多少次想对你说
    มีหลายหนที่อยากบอกกับเธอว่า

    你身边还有我
    ข้างกายเธอนั้นยังมีฉัน


    วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

    คนอ้วนกับ แต้จิ๋ว ตอนไอดอล คนแต้จิ๋วผู้ยิ่งใหญ่

    ผมคนหนึ่งที่มีเชื่อสาย แต้จิ๋ว ครับ เครือญาติพ่อแม่ ผมมาจาก เถ่งไห้ ชัวเถาครับ 
    และ ประกอบอาชีพย่านบางรัก เป็นพ่อค้าขายปลา และ มีอาชิพเสริมเป็นหมอจีนครับ
    และ ปจุบันบ้านผมยังมีกิจการ ร้านอาหาร เป็ดพะโล้ ยาจีนครับ
    และวันนี้ผมจะมาเล่า ประวัติ คนแต้จิ๋ว ผู้ยิ่งใหญ่ทั่วแผ่นดินครับ
    เสื้อยืด
    คนแรกที่ คนจีนในแผ่นดินใหญ่ไม่มีใครไม่รู้จักครับ 
    马化腾:潮南成田人,腾讯总裁,QQ之父

    หรือ หม่า ฮั่ว เถิง เจ้าพ่อ QQ
    จากเมือง เตียเอี๊ยะ ชัวเถา
    ดำรงตำแหน่ง CEO Tencent Inc.,
    October 29, 1971 (age 42)

    ตอนนี้มีทรัพย์สิน 

    Net worthIncrease US$ 10.2 billion (2013)

    และคำพูดที่เขาเคยพูดไว้คือ สินค้าที่ขายดีที่สุด คือ ของฟรี
    ก็จริงอย่างที่ท่าน หม่า ได้กล่าวไว้
    QQ นั้นเป็นชอฟแวร์ฟรีที่ 
    เชื่อมการสื่อสาร คนทั้งประเทศจีนเลยก็ว่าได้
    และเป็นธุรกิจ ไอที ที่ใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ก็ว่าได้ครับ



    เสื้อยืดสกรีน
    คนที่สองนี้ ไม่ว่าใครบนโลกนี้ต้องเคยเห็นสินค้าของเล่น
    ของท่านผู้นี้อย่างแน่นอน 
    蔡东青:澄海人,玩具之王,奥飞动漫总裁
    1969 เดือน4 วันที่ยังไม่แน่ชัด

    ไช่ ตง ชิง ราชาของเล่น ดำรงจตำแหน่ง CEO auldey 
    คนเถ่งไห้ ชัวเถา แต้จิ๋วผู้ยิ่งใหญ่
    ใครเคยเล่น รถ Tamiya คนนี้ครับ
    เป็นผู้ผลิต และ ถือ ลิขสิทธิ์ เจ้าเดียวในจีน
    เคยร่ำรวยติดอันดับ 5 ในปี 2010 ของจีน


    เสื้อยืดสกรีน
    ผู้นี้เป็นเจ้าพ่อ ผู้ค้าปรีกเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่
    黄光裕: 潮阳铜盂人,国美创始人,三登内地首富。
    24 June 1969 
    เป็นชาว  เตียเอี๊ยะ ชัวเถา เช่นเดียวกับ เจ้าพ่อคิวๆ
    เคยได้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในจีนถึง 3 ปี
    2004-2005และ2008


    เสื้อยืด
    李嘉诚:潮州人,著名慈善家,亚洲首富,世界华人首富,长江实业总裁。
    Li Ka-shing หรือ ลี กา ชิง ผู้ยิ่งใหญ่ชาวแต้จิ๋ว อีกท่่านหนึ่ง
    ได้เป็น ผู้ที่ใจบุญ ที่สุดใน จีน 
    เป็น บิ๊กบอส Cheung Kong (Holdings) Limited
    ความรวยนั้นไม่ต้องพูดถึงครับ เป็นคนรวยติดอันดับหนึ่ง
    ของ เอเชีย และ รวยที่สุดในชาวจีนทั่วโลกครับ
    เกิดเมื่อ 1928-7-29
    และได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ ฮ่องกง เมื่ออายุได้ 12 ขวบ
    พ่อของท่านชิง เป็น นักวิชากร สมัยสุดท้ายของราชวง ชิง
    ก่อนที่ จีน ทำสงครามกับ ญี่ปุ่น และอพยศไปอยู่ ฮ่องกง


    เสื้อยืด
    谢易初:澄海人:正大集团(卜蜂莲花)创始人
    นายเซี่ยอี้ชู ( 谢易初หรือ เจี่ยเอ็กชอ ชื่อในสำเนียงจีนแต้จิ๋ว)
    เจ้าของร้านขายเมล็ดพันธุ์ผัก
    ผู้เปิดตำนานการก่อตั้งบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)
    ในประเทศไทย และยังเป็นคนเดียวกัน
    ที่สร้างตำนานความยิ่งใหญ่ของซีพีในประเทศจีน
    ด้วยความมุ่งมั่นที่จะบุกตลาดประเทศจีน
    ทันทีที่เขาและบุตรทั้งสี่ได้รับทราบข่าวการ
     ‘เปิดประเทศ’ ของแผ่นดินแม่


    บางทีความยิ่งใหญ่ของท่านเหล่านี้
    ทำให้ผมมีพลังบางอย่างที่อยากจะเอาชนะตัวเอง
    ฝันไปหรือเปล่า ที่จะเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้

    วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

    อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี

    อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี
           ART EYE VIEW---สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ของการพบกันระหว่างเรา และอาจเป็นครั้งแรกของบางท่าน ในการพบกันครั้งแรกเนื้อหาของบทความจะเป็นการแนะนำคอลัมน์นี้ ซึ่งเป็นคอลัมน์ใหม่ให้ท่านได้รู้จัก จึงทำให้ดิฉันต้องเลื่อนการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของไทยมาให้ท่านได้อ่านในวันนี้
          
           คนไทยจำนวนไม่น้อยอาจไม่รู้จักหรืออาจหลงลืมไปว่า วันที่ 28 ธันวาคม อันตรงกับวันปราบดาภิเษกในพระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็น วันตากสินมหาราชานุสรณ์
          
           ในวันนี้ของทุกปีทั้งภาครัฐและภาคประชาชนจะร่วมกันทำพิธีถวายบังคม พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อชาติไทยและปวงชนชาวไทย 
          
           นอกจากนี้ชาวไทยกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ยังคงจงรักภักดีและเคารพบูชาในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่างพร้อมใจกันเดินทางไปสักการะและบวงสรวงดวงพระวิญญาณของพระองค์ยังสถานที่สำคัญซึ่งเกี่ยวข้องและถือเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงมหาราชพระองค์นี้ในวันนี้ด้วย
          
            อันได้แก่ ศาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ พระราชวังเดิม หรือ พระราชวังหลวงในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานีของไทย ปัจจุบันคือที่ตั้งกองบัญชาการกองทัพเรือ ภายในศาลนี้ประดิษฐานพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะรมดำของพระองค์ พระอุโบสถน้อย วัดอรุณราชวรารามซึ่งเป็นที่เก็บรักษาพระแท่นทรงบำเพ็ญกรรมฐาน และวิหารน้อย วัดอินทาราม ซึ่งประดิษฐานพระแท่นบรรทมของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีระหว่างเสด็จมาประทับทรงศีลและเจริญกรรมฐานที่วัดแห่งนี้ พระแท่นองค์นี้ทำด้วยไม้ พนักแกะด้วยงาช้าง ฉาบพุดตานประกอบใบ ฝีมือประณีตมาก 
          
           เนื่องในวันสำคัญทางประวัติศาสตร์นี้ ดิฉันจึงขอถือโอกาสนำท่านทั้งหลายไปชมอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งประดิษฐ์ฐาน ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี ด้วยกันในวันนี้
    อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี
          
    อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี
          
    อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี
           อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี นับเป็นอนุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติมหาราชของไทยที่งดงามในทุกมุมมอง สง่างามที่สุด และสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย  นอกจากนั้นยังตั้งอยู่บนสถานที่เหมาะสมที่สุด เพราะในอดีตผู้ที่อยู่บนถนนทุกสายที่มุ่งหน้าสู่วงเวียนใหญ่ จะมองเห็นอนุสาวรีย์นี้ก่อนมาแต่ไกล
          
           อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2497 เป็นพระบรมรูปทรงม้าที่มีขนาดเท่าครึ่งพระองค์จริง หล่อด้วยโลหะรมดำ ออกแบบและปั้นโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี โดยมี สิทธิเดช แสงหิรัญ, ปกรณ์ เล็กสน และสนั่น ศิลากร เป็นผู้ช่วย 
          
           ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี นำเสนอภาพแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยในท่าทางที่สง่างามสมชายชาตินักรบ  สงบนิ่งและไม่หวั่นไหวดังศิลา แต่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความหาญกล้าและเด็ดเดี่ยว ม้าทรงของพระองค์นั้นเล่าแม้จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ก็เต็มไปด้วยพลังแห่งม้าศึกชั้นดีซึ่งเชี่ยวชาญในการยุทธ์ และกำลังคึกคะนองพร้อมรอคอยคำบัญชาจากจอมทัพให้โลดแล่นไปข้างหน้าเพื่อสร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่และนำชัยชนะกลับมาสู่มาตุภูมิ
          
           สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอยู่ในชุดขุนศึก กำลังประทับนั่งบนหลังม้าศึกคู่พระทัย พระวรกายเหยียดตรง พระอูรุ (ต้นขา) ทั้งสองแนบอยู่กับลำตัวอาชา พระบาทสอดอยู่ในโกลนในลักษณะเตรียมพร้อมที่จะตบโกลนเพื่อเตือนให้อาชาคู่พระทัยโลดลิ่วไปข้างหน้า พระหัตถ์ซ้ายทรงกระชับสายบังเหียนเพื่อดึงให้ม้าซึ่งกำลังคึกคะนองหยุดนิ่งอยู่กับที่ พระหัตถ์ขวาทรงถือพระแสงดาบยกชูขึ้นสู่นภากาศในท่าออกคำสั่งให้กองทัพหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อรอฟังพระบัญชาให้เข้าประจัญบานกับข้าศึก 
          
           พระเศียรทรงพระมาลาเส้าสูงแบบไม่พับซึ่งมีขนนกประดับอยู่บนยอด พระพักตร์ที่ผินไปทางด้านซ้ายเล็กน้อยและพระหนุที่เชิดพองาม บ่งบอกถึงความคาดคะเนและการระแวดระวังในสถานการณ์ พระเนตรทอประกายแห่งความเด็ดเดี่ยวและความสุขุมคัมภีรภาพ พระขนงขมวดเข้าหากันแสดงถึงความครุ่นคิดและไตร่ตรอง พระโอษฐ์ที่มีพระมัสสุประดับอยู่บดแน่นเข้าหากันบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นและเด็ดขาดในการตัดสินพระทัย 
          
           การนำเสนอพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในลักษณะเช่นนี้เผยให้เห็นเจตนารมณ์ของประติมากรในอันที่จะสะท้อนลักษณะอันเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวสมชายชาตรีของจอมทัพผู้เกรียงไกรและมหาราชที่ทรงไว้ซึ่งความปราดเปรื่องและสุขุมคัมภีรภาพ ผู้ทรงมุ่งมั่นในอันที่จะกอบกู้เอกราชให้กับชาติไทย สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับบ้านเมือง และนำความสงบสุขกลับคืนสู่อาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ ดังเช่นที่ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี กล่าวอธิบายถึงแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ของท่านไว้ว่า 
          
           ...ข้าพเจ้าคิดทำอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินในลักษณะขององค์วีรบุรุษไทย... ข้าพเจ้าสร้างมโนภาพให้เห็นพระองค์ในลักษณะอันเปี่ยมด้วยมนุษยธรรมอย่างแท้จริงเพื่อกอบกู้อิสรภาพของชาติไทยในยามที่ความหวังทั้งหลายดูเหมือนจะสูญไปแล้วจากจิตใจของชาวไทยทั้งมวล ข้าพเจ้าคิดเห็นองค์วีรบุรุษของเราในขณะทำการปลุกใจทหารหาญให้เข้าโจมตีข้าศึกเพื่อชัยชนะ ดังนั้นความรู้สึกที่แสดงออกในพระพักตร์จึงเต็มไปด้วยสมาธิในความคิดและเต็มไปด้วยลักษณะของชายชาติชาตรี
          
           จุดมุ่งหมายและเจตนารมณ์ในการนำเสนอรูปแบบการสร้างสรรค์อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชให้เต็มไปด้วยพลังแห่งการเคลื่อนไหวอันสงบนิ่ง สง่างาม น่าเกรงขาม ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจแห่งขัตติยะ และมีค่าควรยิ่งแก่การสักการบูชา สะท้อนให้เห็นความปราดเปรื่องทางปัญญา ความแม่นยำในการคิดคำนวณโครงสร้างของประติมากรรม ตลอดจนความล้ำเลิศและความแยบยลในการสร้างสรรค์ศิลปะของประติมากรท่านนี้ 
          
           ดังนั้น อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี จึงควรค่าแก่การได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นผลงานประติมากรรมชิ้นเยี่ยมยอดที่สุดของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย อย่างแท้จริง
    อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี
          
    อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี

    รฦกพระเจ้าตาก ปริศนาวันประสูติ-สวรรคต ถอดรหัสหางม้าทรงพระบรมรูป

    ปริศนาวันประสูติ-สวรรคต
    วันที่ 28 ธันวาคม ถูกกำหนดให้เป็นวันพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นวันประสูติหรือวันสวรรคตกันเล่า? เพราะตามธรรมเนียมแล้ว การกำหนดวันของบุคคลสำคัญนั้นมักถือเอาวันใดวันหนึ่งระหว่่างวันเกิดกับวันตายเสมอ

    ให้เผอิญว่าวันสวรรคตของพระเจ้าตากสินเต็มไปด้วยความคลุมเครือไร้ข้อสรุป ว่าเป็นวันใดกันแน่ระหว่าง วันที่6, 7 หรือ 10 เมษายน 2325 อย่าลืมว่าเหตุการณ์บ้านเมืองช่วงนั้นชุลมุนชุลเกยิ่งนัก เจ้าพระยาจักรีกำลังปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์หลังจากที่ยึดราชบัลลังก์ของพระเจ้าตากในสภาพสมณเพศได้แล้ว

    หลักฐานฝ่ายไทย อาทิ พระราชพงศาวดารกรุงสยาม ฉบับโรงพิมพ์หมอบลัดเล ระบุว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีถูกเพชฌฆาตลากตัวไปตัดศีรษะ (ไม่ใช่การทุบด้วยท่อนจันทน์) ถึงแก่พิราลัยในวันที่ 6เมษายน

    ทว่าจดหมายเหตุของคณะบาทหลวงฝรั่งเศส ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 39 ที่เขียนขึ้นตามคำเล่าลือหลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมสดๆ ร้อนๆ ไม่ถึง 9 เดือน กลับยืนยันว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีสวรรคตในวันที่ 7 เมษายน

    แต่แล้วข้อมูลจากจดหมายเหตุโหรในประชุมพงศาวดารภาค 8 กลับระบุว่า วันสวรรคตของพระเจ้าตากตรงกับวันแรม 13ค่ำ เดือน 5 หลังจากวันที่เจ้าพระยาจักรีกลับมาถึงเมืองธนบุรีได้เพียง 4 วัน ซึ่งพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศกล่าวว่า เจ้าพระยาจักรีเสด็จกลับมาถึงกรุงธนบุรีในวันที่ 6 เมษายน ถ้าเชื่อตามนี้พระเจ้าตากก็ต้องสวรรคตในวันที่ 10 เมษายน

    เมื่อพินิจพิเคราะห์ถึงความน่าจะเป็น วันที่ 6 เมษายนนั้น ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีของราชวงศ์ใหม่ อาจเป็นไปได้ว่าวันสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าตากอาจถูกกำหนดให้เลื่อนถอยออกมาหลังจากนั้นเล็กน้อย

    อย่่างไรก็ตาม ไม่ว่าวันสวรรคตจะเป็นวันที่ 6 หรือ 7 หรือ 10 เมษายน รัฐก็คงละอายใจทีเดียว ที่จะให้ยึดเอาวันที่ยังอยู่ในห้วงเวลาของการเฉลิมฉลองวันจักรีมาเป็นวันรำลึกถึงพระเจ้าตากสินประกบคู่กันอีกวัน

    ส่วนวันประสูติของพระองค์นั้นก็สับสนไม่แพ้กัน บ้างระบุว่า 17 เมษายน 2277แต่หลายท่านเห็นว่าน่าจะเขยิบขึ้นไปเป็นเดือนมีนาคมก่อนหน้านั้นสักสามสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ไม่พ้นราศีเมษ หากไม่ใช่วันที่ 22 ก็ต้องเป็น23 มีนาคม

    คือถ้าเชื่อว่าสวรรคตวันที่ 6 เมษายน ก็ต้องประสูติ 22มีนาคม แต่หากสวรรคต 7 เมษายน ก็ต้องเขยิบวันประสูติเป็น 23 มีนาคม ทั้งนี้ยังไม่นับว่าหากสวรรคตวันที่ 10 เมษายนแล้วคงจะต้องเลื่อนวันประสูติออกไปอีก 3-4 วัน

    การใช้ตรรกะเช่นนี้ เหตุเพราะพระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อมีพระชนมายุได้ 48 ปีกับ 15 วัน ในเมื่อไม่มีพงศาวดารฉบับไหนระบุถึงวันประสูติ เราจำเป็นต้องคิดคำนวนย้อนหลังกันเองโดยยึดเอาวันสวรรคตเป็นตัวตั้ง

    ปัจจุบันแนวโน้มที่ทำให้คนทั่วไปเชื่อว่าพระองค์ท่านทรงประสูติในวันที่ 23 เมษายน 2277ก็เพราะวันนั้นตรงกับวันอังคาร ต้องโฉลกถูกจริตกับมหาบุรุษที่เกิดมาเป็นชายชาตินักรบ เพราะดาวอังคารคือเทพเจ้าแห่งสงคราม

    ในเมื่อไม่มีความแน่ชัดของวันประสูติและวันสวรรคต ถ้าเช่นนั้นวันที่ 28 ธันวาคม จะเป็นวันอื่นใดไปไม่ได้ นอกเสียจากวันที่พระเจ้าตากสินทรงขึ้นครองราชสมบัติในปี พ.ศ. 2310อันเป็นวันเดือนปีที่ไม่มีข้อโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ แต่กลับไม่เป็นที่รู้จักของชาวไทยเลยแม้แต่น้อย

    มีข้อน่าสังเกตว่าพระเจ้าตากทรงเฉลิมพระนามในพระสุพรรณบัตรว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 อันเป็นนามที่ีสืบต่อจากสาย "สมเด็จพระบรมราชาธิราช" แห่งกรุงศรีอยุธยาซึ่งมีมาแล้วสามองค์ ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) สมเด็จพระบรมราชาที่ 2 (เจ้าสามพระยา) และสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระบรมไตรโลกนาถ) ซึ่งเป็นสายราชวงศ์สุพรรณภูมิผสมกับสุโขทัยทางเหนือ หาใช่ราชวงศ์อู่ทองสาย "สมเด็จพระรามาธิบดี"ที่ใช้สัญลักษณ์รูปพระนารายณ์ทรงครุฑ อันเป็นสายที่สืบต่อมายังราชวงศ์จักรีไม่

    พิจารณาให้ดี นาม "สมเด็จพระบรมราชา" นี้สะท้อนถึงความพยายามที่พระองค์ต้องการฟื้นฟูและสืบต่อราชวงศ์ธรรมิกราชาของกรุงศรีอยุธยาที่มีรากเหง้ามาจากสุโขทัยนั่นเอง เนื่องด้วยพระองค์ท่านทรงมีความผูกพันกับเมืองตากและกำแพงเพชร

    เห็นได้ว่าพระองค์ท่านมิได้คิดหักหาญตั้งตัวเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ใหม่ ส่วนการที่มาเรียกพระองค์ว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีก็ดี หรือพระเจ้าตากสินนั้น เป็นการมาเรียกขึ้นภายหลัง

    ถอดรหัสจากหางม้าทรงพระบรมรูป

    อนุสรณ์เครื่องรฦกถึงวันพระเจ้าตาก ก็คืออนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าที่วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี ผลงานการออกแบบของ "อาจารย์ฝรั่ง" สุภาพบุรุษแห่งเมืองฟลอเรนซ์ มีชื่อไทยว่า ศ.ศิลป์ พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร

    น่าแปลกไหม อนุสาวรีย์หล่อตั้งแต่ปี 2480ยุคพระยาพหลพลพยุหเสนา แต่กว่าจะได้ติดตั้งต้องใช้เวลาต่อสู้กับกลุ่มอำมายต์เก่าอยู่นานถึง 17 ปี มาสำเร็จเอาในปี พ.ศ.2497 ยุครัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม

    และแม้จะทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์อย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายถูกขุนนางผู้ดีในยุคนั้นทั้งสายสถาปนิก นักวิจารณ์ศิลปะ และสัตวแพทย์หลายท่านเอาชนะคะคานโจมตีในเรื่องไม่เป็นเรื่องของม้าทรง

    เหตุเพราะม้ายืนตรง แต่กลับทำหางชี้สูงไม่ลู่ลง เหล่า "อีหลีด" โวยวายจนเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งหลายฉบับว่า เป็นม้าที่ดูอุบาทว์ ประดักประเดิด สี่ขายืนสงบนิ่งไม่ได้ทำท่ากระโจนสักนิด แต่กลับยกหางสั่นเหมือนพวกขี้ครอกขึ้นวอ ท่าเช่นนี้เหมือนม้ากำลังจะขี้ (ขออภัย การตอบโต้ของอีหลีดยุคนั้นเขาใช้คำว่า "ขี้"ชัดเต็มปากเต็มคำ) อาจารย์ศิลป์โดนรุมประณามว่ามั่วนิ่มนั่งเทียนปั้น

    อันที่จริงแล้ว มิใช่ว่าอาจารย์ศิลป์จักไม่รู้เรื่องกายวิภาคของม้าเลย ตรงข้ามท่านให้ความสำคัญกับม้าทรงชิ้นนี้เสียยิ่งกว่างานปั้นชิ้นใดๆ ถึงกับลงทุนปีนนั่งร้านที่มีความสูงกว่าสามเมตรขึ้นไปปรับแต่งแก้ไขปั้นดินจนถึงพอกปูนทุกขั้นตอนในโรงหล่อ หลังจากที่ให้ลูกศิษย์ช่วยกันหล่อปั้นตามแบบแล้ว เป็นเหตุให้ท่านพลัดตกลงมาจากนั่งร้าน จนแขนขาหักต้องเข้าเฝือกอยู่หลายเดือน

    นอกจากนี้แล้วอาจารย์ศิลป์ยังครุ่นคิดถึงเรื่องสายพันธุ์ของม้า ว่าควรเป็นชนิดใด ต้องไม่ใช่ม้าอาหรับ ม้าออสเตรเลีย หรือม้านอร์แมน หากแต่ต้องเป็นม้าไทยเท่านั้น และเมื่อเป็นม้าไทย อาจารย์ศิลป์ก็ต้องกำหนดส่วนสัดให้แตกต่างไปจากม้าเทศที่เคยศึกษามาจากยุโรป

    ปัญหาก็คือ พวกที่วิจารณ์นั้นคือกลุ่มผู้ลากมากดีสยามที่ดูถูกชาวจีนว่าเป็นคนต่างด้าว จึงจ้องแต่จะทับถมเกียรติภูมิของพระเจ้าตากสินผ่านการกดหางม้าทรงไว้มิให้เผยอผยองพองขน อาจารย์ศิลป์จึงถูกบีบให้กลายเป็นหนังหน้าไฟไปโดยปริยาย

    ความตั้งใจแรกของอาจารย์ศิลป์นั้น ท่านต้องการนิรมิตม้าทรงของพระเจ้าตากในท่าผาดโผนโจนทะยานกำลังออกศึก เชื่อกันว่าหากไม่โดนกระแหนะกระแหนคอยจิกคอยตอดเป็นระยะๆ พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระเจ้าตากสินนั้น คงจะต้องมีความงามสง่าสมชายชาติอาชาไนย ดุจเดียวกับอนุสาวรีย์ของพระเจ้านโปเลียนมหาราชที่กรุงปารีส หรือไม่ก็ต้องละม้ายกับรูปม้าทรงของจักรพรรดิทราจันแห่งกรุงโรม ณ ประเทศอิตาลี แผ่นดินมาตุภูมิของอาจารย์ศิลป์โน่นเทียว

    ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยจากเอกสารต่างชาติก็คือ เมื่อครั้งที่มีการจ้างวานศิลปินชาวฝรั่งเศสหล่อพระบรมรูปทรงม้าของรัชกาลที่ 5 นั้น ทางสยามต้องการให้ม้าทรงอยู่ในท่ายกขาหน้าเหมือนม้าของนโปเลียน แต่ทางโรงหล่อที่ยุโรปแย้งกลับมาว่า ท่าม้าเผ่นผยองหรือยกขาหน้าตามธรรมเนียมสากลมีไว้สำหรับจักรพรรดิที่เป็นนักรบเท่านั้น โรงหล่อกรุงปารีสมีความเห็นว่า รัชกาลที่ 5 ไม่ใช่กษัตริย์นักรบยกทัพทำสงครามด้วยพระองค์เอง จึงไม่อาจสร้างรูปทรงม้าในท่าเผ่นโผนตอบสนองความต้องการของผู้จ้างได้ จึงปั้นในท่าขี่ม้าสงบนิ่งตามที่เราเห็น

    แต่สำหรับพระเจ้าตากสินมหาราช อาจารย์ศิลป์ท่านเป็นคนยุโรป จึงย่อมเข้าใจเรื่องนี้ค่อนข้างดี เมื่อเริ่มต้นก็ได้ปั้นม้าผาดโผนโจนทะยานอย่างออกรสชาด แต่แล้วสุดท้ายอำนาจพิเศษบางอย่างได้เข้ามากำกับ ไม่ต้องการให้มหาราชพระองค์นี้ดูโดดเด่นเกินหน้าเกินตาพระรูปทรงม้าที่มีอยู่เดิม ทำให้ต้องแก้ไขพิมพ์เขียวของม้าทรงถึง 5 ครั้ง

    เมื่อไม่สามารถบันดาลให้ม้าทรงยกขาหน้าได้ดั่งที่ควรจะเป็น อาจารย์ศิลป์จึงแอบซ่อนรหัสนัยไว้ที่หางของมันให้ชี้ตระหวัดขึ้น เป็นภาพของม้าที่อยู่ในอิริยาบถเคร่งเครียด พร้อมที่จะออกวิ่งทะยานอยู่ทุกขณะ รอแต่ว่าเมื่อไหร่องค์จอมทัพจักกระชับบังเหียนให้สัญญาณเท่านั้น พลันม้าทรงก็พร้อมที่จะกระโจนไปข้างหน้าอย่างไม่รั้งรอ ปากเผยอจนเห็นฟันและหางที่เป็นพวงชี้สูงนั้น นับว่าสอดคล้องแล้วกับความตื่นคะนองของม้าศึก

    อุปมาดั่งนักมวยหรือเสือที่กำลังจ้องจับเหยื่อมักเขม็งเกร็งกล้ามเนื้อ ย่อมดูมีพลังดุดันน่ากลัวมากกว่าเมื่อมันตะปบเหยื่อได้แล้ว เหล่าอีหลีดจึงไม่ควรมาแหย่หาเรื่องตัดหางม้าทิ้ง เพื่อหล่อใหม่แล้วให้ท่อนหางของมันลู่ลีบยืนจ๋องอย่างไร้ศักดิ์ไร้ศรี

    ควรพึงสำเหนียกไว้ด้วยว่า ม้าทรงตัวนี้กำลังประกอบวีรกรรมกอบกู้ชาติ หาใช่อนุสาวรีย์ของนายทัพที่นั่งผึ่งผายอยู่บนหลังม้าเพื่อรับคำสรรเสริญพระบารมีอย่างกึกก้องจากฝูงชนที่คับคั่งตามท้องถนนโห่ร้องต้อนรับผู้มีชัย ซึ่งม้าเหล่านั้นมักมีลักษณะสวยงามเหมือนม้าที่ฝึกในละครสัตว์

    ภายใต้สภาวะที่ศิลปินถูกกดดันจาก "มือที่มองไม่เห็น" หางม้าทรงจึงเป็นสัญลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่ใช้เป็นเครื่องมือประกาศยกย่องฤทธานุภาพและความสง่างามของพระเจ้าตากสินมหาราชอย่างสมบูรณ์แบบ

    ตีพิมพ์ในคอลัมน์ ปริศนาโบราณคดีตอนที่ 56
    ฉบับเดือนธันวาคม 2554 มติชนสุดสัปดาห์

    วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

    ประวัติบ้านหวั่งหลี ที่ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ พ.ศ. 2527


    บ้านหวั่งหลี เป็นบ้านประจำตระกูลหวั่งหลี มีอายุกว่า 130 ปี ตั้งอยู่สุดถนนเชียงใหม่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

    ประวัติ

    บ้านหวั่งหลีนี้ เดิมเป็นท่าเรือของ พระยาพิศาลศุภผล (ชื่น) ต้นตระกูลพิศาลบุตร ต่อมาขายให้แก่นายตันลิบบ๊วย แห่งตระกูลหวั่งหลี จนกระทั่งภายหลังบริษัทหวั่งหลี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวเข้ามาเป็นผู้บริหารดูแลบ้านหลังนี้ จึงได้ทำการบูรณะตัวบ้านใหม่ทั้งหมด ปัจจุบันบ้านหลังนี้ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยแล้ว เพราะลูกหลานของตระกูลต่างแยกย้ายกันออกไปหาที่อยู่อาศัยข้างนอกกันหมด บ้านหลังนี้จึงเปิดใช้เฉพาะเพื่อประกอบพิธีสำคัญของตระกูลเท่านั้น ซึ่งมีเพียงปีละ 2-3 ครั้ง และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ พ.ศ. 2527



    สถาปัตยกรรม

    ลักษณะอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีน หันหน้าออกมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา และมีลานโล่งกว้างบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้ถูกปรับให้เป็นสวนขนาดย่อมช่วยเพิ่มความสวยงามสบายตาจากเดิมที่เคยเป็นเพียงแค่ลานปูนเท่านั้น สิ่งก่อสร้างภายในประกอบด้วยอาคารสำคัญสามหลัง ตึกตรงกลางเป็นเรือนประธาน ซึ่งหันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา เรียกว่า "ศาลเจ้าแม่หมาโจ้ว" มีตึกแถวสองชั้น เพดานสูง หลังคาแบบจีน สร้างขนาบสองด้าน ตรงกลางระหว่างอาคารเป็นลานโล่ง ใช้ประกอบพิธีกรรมของตระกูลหวั่งหลี ในวันสำคัญตามประเพณีจีน

    http://th.wikipedia.org/